สตีฟ เดวิส

สตีฟ เดวิส จากเทพบัตรคิวทอง สู่ดีเจให้บันเทิง

สตีฟ เดวิส ตำนานนักสนุกเกอร์ เทพบุตรคิวทอง

สตีฟ เดวิส ชื่อนี้ถูกขนานนามมาอย่างยาวนาน ไม่มีใครไม่รู้จักในช่วงทศวรรษ 1980  เขาสามารถครองนักสอยคิวมืออันดับ 1 ของโลก ได้ถึง 7 ฤดูกาลติดต่อกัน และเป็นอดีตแชมป์โลกถึง 6 สมัย เขาเป็นไอดอลของนักสนุกเกอร์หลายๆคน ซึ่งฝีมือเขาระดับมหากาฬ มีหลายคนที่คนอยากจะเล่นสนุกเกอร์ได้เก่งและประสบความสำเร็จแบบเขา รวมถึงเป็นผู้บุกเบิกการเล่นสนุกเกอร์ให้แพร่หลาย เขาเป็นบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องจากคนรอบข้างว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่หลังจากที่เขาได้แขวนคิวในวัยเกือบ 60 เขาได้ผันอาชีพไปเป็นดีเจ ผู้ให้ความบันเทิงแก่ผู้คนยามค่ำคืน

 

ประวัติ สตีฟ

เกิดวันที่ 22 สิงหาคม 1957 ที่ย่านพลัมสตีด กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อตอนอายุ 12 ขวบ เขาเริ่มสนใจกับการเล่นสนุกเกอร์ เพราะพ่อของเขาได้มอบหนังสือ “How I Play Snooker” ซึ่งเป็นหนังสือที่แนะนำการเล่นสนุกเกอร์ที่สอนโดยแชมป์โลกผู้ยิ่งยงอย่าง โจ เดวิส พ่อของเขานั่นเอง และเมื่อพ่อของเขาไปสนุกเกอร์คลับเขาจะติดตามไปด้วย เพื่อเล่นสนุกเกอร์นั่นเอง

ในปี 1970 เขาเล่นและฝึกซ้อมสนุกเกอร์อย่างเต็มที่และพัฒนาเทคนิคการเล่นต่างๆ ที่ Lucania Snooker Club ในย่านรอมฟอร์ด จากนั้นในปี 1976 เขาได้แสดงฝีไม้ลายมือได้กลายเป็นแชมป์บิลเลียดของอังกฤษในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในที่สุด

สตีฟ เดวิส1

ซึ่งความที่เขามีพรสวรรค์ด้านนี้ ในความโชคดีของเขา ฝีมือของเขาไปเตะตาแบร์รี่ เฮิร์น อย่างจัง ซึ่งในขณะนั้นเป็นประธานของ Lucania Snooker Club ซึ่งต่อมาแบร์รี่ เฮิร์นก็กลายมาเป็นผู้จัดการของสตีฟ และจ่ายเงินให้สตีฟครั้งละ 25 ปอนด์ เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับทุกๆ แมตช์การแข่งขัน เมื่อสตีฟมีชื่อเสียงในวงการแล้ว เขาได้รับฉายาว่า “The Nugget”  ปัจจุบันสตีฟ ได้จัดพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับหมากรุกและการทำอาหารออกมาบ้างแล้ว หลังจากที่เคยทำหนังสือเกี่ยวกับสนุกเกอร์ออกมา เขาเป็นนักสนุกเกอร์ในฐานะที่เป็นอดีตแชมป์โลกหกสมัย และแชมป์ K. Championship อีกหกสมัย ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แต่เขาได้ผันตัวไปเป็นดีเจเปิดแผ่นสายเต้นหลังเกษียณ จากเทพบุตรคิวทอง

 

สตีฟ เดวิส กับชีวิตหลังเกษียณ สู่ดีเจธันเดอร์มัสเซิล

สตีฟได้ประกาศแขวนคิวไปในปี 2016 ด้วยวัย 59 ปี เขาได้ทำจุดหมายที่หนึ่งสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาได้มุ่งเดินสายไปอีกเส้นทางนึงที่ทุกคนไม่คาดฝัน ได้มีโอกาสไปเปิดแผ่นในเทศกาลแกลสตันบูรี (Glastonbury) จนถึงขั้นมีวงโพรเกรสซิฟร็อกเป็นของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย

เขาหลงไหลดนตรีโพรเกรสซิฟตั้งแต่สมัยเขายังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลายและแนวเพลง แคนเทอร์เบอรีซีน (Canterbury Scene) เจนเทิลไจแอนต์ (Gentle Giant) คาราวาน (Caravan) และวงที่เขาถือว่าเป็นแฟนตัวยงเลยก็ต้องยกให้ แมกมา (Magma) ซึ่งวงโพรเกรสซิฟร็อกจากแดนฝรั่งเศสเล่นเพลงที่มีความยาวหลักชั่วโมงที่สวมชุดดำกันทั้งวง  แถมยังมีภาษาของตัวเองอีกด้วย 

หลังจากแขวนไม้คิวในวัยเกือบจะเลข 6 พักหลังนี้สตีฟก็ได้หวนกลับไปฟังเพลงเหล่านั้นอีกครั้ง ด้วยความที่เป็นคนที่หลงใหลในดนตรีแนวนี้เขาก็กระโดดเข้าสู่เส้นทางใหม่แห่งการเป็นดีเจ

สตีฟ เดวิส2

สตีฟและเพื่อนสนิทของเขาคาวัสก็ได้จัดรายการวิทยุเป็นประจำมากว่าสิบปีอยู่แล้ว แถมบางครั้งพวกเขาได้ไปเป็นดีเจในบาร์ด้วยกันอีกด้วย จนวันหนึ่งมีคนที่เป็นผู้จัดงานดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์เดินมาชวนทั้งคู่ให้ไปจัดแสดงในงาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางครั้งนี้

“ผมไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลยนะ แต่มันดันไปเข้ากับที่ผมกำลังจะเกษียณพอดีเลย” สตีฟกล่าว

นอกจากดีเจธันเดอร์มัสเซิลจะได้ไปเล่นในเทศกาลแกลสตันบูรีที่นับว่าเป็นงานใหญ่ของสหราชอาณาจักรแล้ว เขายังได้มีโอกาสตระเวนทัวร์ไปทั่วประเทศ เขาสนุกสุดเหวี่ยงกับชีวิตใหม่วัยหลังเกษียณเปลี่ยนจากนักสนุกเกอร์คิวทอง หลังจากเป็นนักสนุกเกอร์มายาวนานถึง 38 ปี กลายเป็นดีเจที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้คนข้ามคืน 

 

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ตำนานแชมป์โลกไทยคนแรก

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย หรือ เจมส์ วัฒนา ภู่โอบอ้อม เป็นนักสนุกเกอร์ของไทยในยุคแรกๆที่มีความสามารถล้นเหลือ อดีตมือ 3 ของโลก  เมื่อไม่นานมานี้เขาได้คว้า เหรียญทองครั้งแรกใน ซีเกมส์ ในวัย 52 ปี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ในการแข่งขันกีฬาสนุกเกอร์ 15 แดง เป็นการพบกันระหว่าง ต๋อง  กับ ลิ้ม ก๊อก เลียน จากมาเลเซีย ตบท้ายแซงชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 เฟรม คว้าเหรียญทองในซีเกมส์ได้สำเร็จ ด้วยความที่เขาเคยอยู่อันดับ 3 ของโลก จึงได้คว้าชัยชนะไปอย่างสวยงาม และเป็นอีกหนึ่งนัดประวัติศาสตร์ของวงการสอยคิวไทยเลยก็ว่าได้

จากเด็กสลัมสู่นักสอยคิวไทยมือทอง

นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม ชื่อเล่น ต๋อง เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2513 พ่อของเขาก็เป็นนักสนุกเกอร์มือดี ฉายาว่า ฉ่อย ซู่ซ่าส์  ซึ่งเขาได้ตามติดดูพ่อเล่นสนุกเกอร์มาตั้งแต่ยังเด็ก เขาได้นำความรู้ที่ได้จากพ่อนี้มาใช้ฝึกฝน และเริ่มแข่งขันสนุกเกอร์ในระดับเยาวชน ขณะอายุเพียง 14 ปี ได้รองชนะเลิศการแข่งขันประเภทดาวรุ่ง ของนิตยสารคิวทอง เมื่อ พ.ศ. 2527 โดยได้ฉายา “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” เพราะบิดา ฉ่อย ซู่ซ่าส์ เป็นครูผู้สอน และเขายังได้ชื่อภาษาอังกฤษว่า เจมส์ วัฒนา (James Wattana)

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย

เมื่อปี พ.ศ. 2531 เขาชนะเลิศการแข่งขันชิงแชมป์รายการสนุกเกอร์สมัครเล่นโลก ที่ประเทศออสเตรเลีย เขาได้เริ่มเล่นอาชีพเมื่อปี พ.ศ. 2532 ด้วยฝีมือการสอยคิวอย่างเฉียบแหลม มีความแม่นยำและว่องไว เขาได้ไต่อันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จึงได้มีฉายาในเมืองไทยว่า ไทย ทอร์นาโด ส่วนในต่างประเทศมีฉายาว่า Thai Phoon และเขายังสนิทกับนักสนุกเกอร์ชื่อดังของโลกอย่าง รอนนี่ โอซุลิแวน อีกด้วย ในขณะที่เขาอยู่ประเทศอังกฤษ

 

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย กับการเข้าสู่อันดับโลก

ในช่วงฤดูกาลปี 1994/95 เขาได้ก้าวสู่อันดับที่ 3 โลก นอกจากนี้ยังเป็นนักสนุกเกอร์คนที่ 8 ของโลกที่สามารถทำเงินรางวัลได้มากกว่า 1 ล้านปอนด์ ปัจจุบันทำรายได้ทั้งหมดจากการแข่งขันอาชีพ 1.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 75 ล้านบาท)

แต่แล้วฟอร์มของเขาก็เริ่มตกลงไปอย่างน่าใจหาย ในช่วงปี 1997 จนในปี 1999 เขาได้หลุดจากอันดับ 16 คนแรกของโลก หลังจากติดอยู่ในอันดับ มาได้ถึง 7 ปี จนมาถึงฤดูกาลปี 2007/08 เขาไม่สามารถชนะในรอบคัดเลือกได้ อันดับโลกในฤดูกาลนั้น จึงอยู่ที่อันดับที่ 64

ต๋อง ซีเกมส์

แต่ล่าสุดนี้ชื่อของเขาก็กลับมาอีกครั้ง เขาได้แสดงฝีมือสอยคิวออกมาจนได้รางวัลชนะเลิศ ซีเกมส์ 2021 ได้คว้าเหรียญทองไปครอง ต๋อง แซงชนะ ลิ้ม ก๊อก เลียน 4-2 เฟรม เป็นการสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแรกของตัวเองในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งแรกของตัวเอง และยังเหรียญทองแรกของทีมบิลเลียดไทยในกีฬาซีเกมส์อีกด้วย

ผลงาน

รายการสมัครเล่นโลก

  • ชนะเลิศการแข่งขันสนุกเกอร์รายการชิงแชมป์สมัครเล่นโลก ในปี ค.ศ.1988

รายการแข่งขันสะสมคะแนน

  • ชนะเลิศรายการ Strachan Open ในปี ค.ศ.1992
  • ชนะเลิศรายการ Thailand Open ในปี ค.ศ.1994 และ ค.ศ.1995
  • รองชนะเลิศรายการ Asian Open ปี ค.ศ.1989
  • รองชนะเลิศรายการ International ในปี ค.ศ.1993
  • รองชนะเลิศรายการ British Open 3 ปีซ้อน ปี ค.ศ.1992,1993,1994
  • รอบ semi – finals รายการชิงแชมป์โลก Embassy World ปี ค.ศ.1993 และปี ค.ศ.1997

รายการชิงเงินรางวัล

  • ชนะเลิศราการ Hong Kong Challenge ในปี ค.ศ.1990
  • ชนะเลิศรายการ Humo Masters ในปี ค.ศ.1992
  • ชนะเลิศรายการ World Matchplay ในปี ค.ศ.1992
  • ชนะเลิศรายการ Kings Cup ในปี ค.ศ.1992
  • ชนะเลิศรายการ Euro-Asia Masters Challenge ในปี ค.ศ.2003
  • ชนะเลิศรายการ Asian Championship 3 สมัย ในปี ค.ศ.1986,1988,2009
  • รองชนะเลิศรายการ Benson & Hedges Championship ในปี ค.ศ.1990
  • รองชนะเลิศรายการ Hong Kong Challenge ในปี ค.ศ.1991
  • รองชนะเลิศรายการ Nescafe Extra Challenge ในปี ค.ศ.1992
  • รองชนะเลิศรายการ Kings Cup ในปี ค.ศ.1993
  • รองชนะเลิศรายการ The Master ในปี ค.ศ.1993
  • รองชนะเลิศรายการ Euro-Asia Masters Challenge ปี ค.ศ.2007

เบรกที่ทำได้

  • Maximun Breaks (ได้คะแนนสูงสุด 147 แต้ม ในการแทงต่อเนื่อง) 3 ครั้ง
  • ปี ค.ศ.1991 รายการ Mita World Master
  • ปี ค.ศ.1992 รายการ British Open (เวลา 7 นาที 9 วินาที)
  • ปี ค.ศ.1997 รายการ Catch China International
  • ทำ century breaks มากกว่า 140 ครั้ง

 

ชีวิตต้องตกอับเพราะความหลงระเริง

ในช่วงชีวิตคนเราพอไปถึงจุดสูงสุด เป็นช่วงที่เขามีชื่อเสียงมาก มีเงินมีทอง จนทำให้หลงระเริง เขาได้ทำวีซ่าไปเที่ยว ดื่ม ปาร์ตี้กับเพื่อน หลงระเริงกับคำชมต่างๆ จนตั้งตัวไม่ติด กว่าจะรู้ตัวอีกที เขาหมดเงินไปกับคืนๆนึงถึง 7-8 แสน บาทเมื่อ 30 ปีที่แล้ว จึงทำให้ช่วงชีวิตนึงของเขานั้นได้พังลง และไม่ไปซ้อมสนุกเกอร์  แต่จุดที่ทำให้เขาคิดได้ กลับมาเปลี่ยนตัวเองได้ เพราะคุณแม่ผู้มีพระคุณคอยให้ให้กำลังใจ และคนรอบข้างตัวของเขา เขาเลยขึ้นมาฮึดสู้อีกครั้ง

ถึงแม้ที่ผ่านมาเขาคิดจะแขวนคิวไปหลายรอบ แต่เขาก็ยังตั้งใจที่จะเล่นต่อ ยังอยากต่อยอดสร้างให้รุ่นหลังได้แสดงฝีมือการสอยคิวอย่างเขาให้ได้ เขายังได้กล่าวอีกว่า เขาทำงานเบื้องหน้ามานานก็อยากจะอยู่เบื้องหลัง ให้คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาแสดงศักยภาพฝีมือต่อไป…

 

จิมมี่ ไวท์

จิมมี่ ไวท์ (Jimmy White) ตำนานสิงห์มือซ้าย ราชาไร้บัลลังก์

จิมมี่ ไวท์ นักสนุกเกอร์ที่โด่งดังที่สุดในยุค 90 และยังเป็นนักสนุกเกอร์มือซ้ายที่เก่งที่สุดในโลกอีกด้วย เชื่อว่าทุกคนต้องคุ้นๆชื่อนี้กันบ้างแหละ ฉายา “สิงห์มือซ้าย” ถูกตั้งโดยชาวไทยด้วยสไตล์ที่ดุดัน เร็ว แม่นยำและเป็นนักสนุกเกอร์ถนัดซ้าย จึงทำให้เมื่อราวๆ 30 ปีที่แล้ว เขามีแฟนคลับมากมายทั่วโลกคล้ายกับจัดด์ ทรัมป์ หรือ รอนนี่ โอซุลลิแวน ในยุคนี้ที่ไม่ว่าลงแข่งที่ไหนคนดูแน่นสนามเรตติ้งพุ่งกระชูดเป็นทุกครั้งที่แข่งขัน  อีกทั้งยังมีลูกไซด์โค้งที่โค้งแบบเห็น ๆ ในการเล่นแต่ละเกม และเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ด้วยสไตล์การเล่นแบบฆ่าลูกเดียว แม้ว่าเค้าจะโลดแล่นในวงการสนุกเกอร์ระดับโลกมาแล้วเกือบ 4 ทศวรรษก็ตาม แต่ยังมีคนรู้จักและยังเป็นไอดอลของนักสนุกเกอร์หลายๆคน

จิมมี่ ไวท์ ผู้ที่ไม่เคยได้แชมป์โลก

ในช่วงที่เยาวชนนั้น จัดได้ว่าเป็นผู้เล่นที่มีความโดดเด่นกว่าเด็ก ๆ ในรุ่นเดียวกัน โดยเมื่อมีอายุได้ 15 ปี ก็สามารถคว้าแชมป์แรกของตัวเองได้ในปี 1977 คือรายการ National Champion และเขาเทิร์นโปรเมื่อปี 1979 แต่มาโด่งดังมากๆในช่วงยุค 90 เคยขึ้นไปสู่จุดสูงสุดที่อันดับที่ 2 ของโลก และต่อด้วยการเป็นแชมป์สมัครเล่นระดับประเทศของอังกฤษในอีกไม่กี่ปีต่อมา จากการที่เขาได้โลดแล่นแข่งมานาน ก็ถึงเวลาที่จิมมี่จะก้าวขึ้นสู่การเล่นระดับอาชีพ แต่ถึงแม้ในช่วงท๊อปฟอร์มจะทำผลงานได้ดีแชมป์มาหลายรายการแต่รายการสำคัญ แต่เขากลับไม่เคยคว้าแชมป์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

ผิดหวังแล้วผิดหวังอีก..

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยได้แชมป์โลกก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่ง เขาสามารถไปถึงจุดที่ เข้ารอบชิงชนะเลิศรายการชิงแชมป์โลกมากถึง 6 ครั้ง 

Steve & Jimmy

ครั้งที่ 1 ปี 1884 เขาสามารถระเบิดฟอร์มทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกแต่โชคไม่ดีที่คู่ต่อสู้ของเขาในรอบชิงคือ สตีฟ เดวิส ที่กำลังท๊อปฟอร์มสุดๆและมีดีกรีเป็นเจ้าของแชมป์โลกถึง 2 สมัย ผลการแข่งขันเป็นดังเซียนต่างๆคาดการณ์ไว้ เขาพ่าย สตีฟ เดวิส สกอร์ 18-16 เฟรม ทำให้สตีฟ เดวิส กลายเป็นแชมป์โลก 3 สมัย ส่วนไวท์ต้องผิดหวังกลายเป็นรองแชมป์โลกสมัยแรก 

 

จนก้าวเข้าสู่ยุค 90  เขาเป็นนักสอยคิวมืออันดับ 2 ของโลก กลับกัน มืออันดับ 1 ของโลก “เทพบุตร คิวทอง” อย่าง สตีฟ เดวิส ฟอร์มเริ่มตก ทำให้สื่อมวลชนต่างๆและแฟนสนุกเกอร์ทั่วโลกต่างเชื่อว่ายุคสมัยกำลังจะเปลี่ยนเป็น ยุคของเขาอย่างเต็มตัวและหวังว่าชื่อจิมมี่ จะได้จารึกประวัติศาสตร์อยู่บนถ้วยแชมป์โลกสักใบ

Stephen & Jimmy

ครั้งที่ 2 จุดเริ่มต้นของการเป็นคู่ปรับตลอดกาลของเฮนดรี้และจิมมี่ก็ได้เกิดขึ้น เขาได้ชิงชนะเลิศรายการชิงแชมป์โลกเป็นครั้งที่ 2 ของชีวิตในปี 1990 คู่ต่อสู้ของเขาคือ สตีเฟ่น เฮนดรี้ วัยรุ่นหัวทองที่หล่อหน้าใส ซึ่งเฮนดรี้เอาชนะจิมมี่18-12 ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เฮนดรี้เจอจิมมี่ทีไร แทบโชว์ฟอร์มไม่ออก และครั้งนี้เฮนดรี้คว้าแชมป์โลกครั้งแรกให้ตัวเองและทำสถิติกลายเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด เขาต้องพบกับความผิดหวัง เป็นครั้งที่ 2

John & Jimmy

ครั้งที่ 3 จิมมี่ ไวท์ ยังฮึดสู้กับฟอร์มสุดร้อนแรงในการชิงแชมป์โลกปี 1991 คู่ต่อสู้ของเขาก็คือ จอห์น แพรอต ที่ดูเหมือนว่าจิมมี่จะเอาชนะแพรอตได้ง่ายดาย แต่กลับกลายเป็นตลกร้าย จิมมี่ แพ้อีกครั้งในสกอร์ 18-11 เขากลายเป็นรองแชมป์โลกครั้งที่ 3 

 

ครั้งที่ 4-6 จิมมี่ ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาเข้าชิงในชิงแชมป์โลกปี1992 และถัดไปอีก2ปีเขาก็ยังเข้าชิงอีกในปี 1993 และ 1994 แต่โชคไม่ได้ช่วยเขาเลยทั้ง 3 ปีนี้มีชายอีกคนที่ทะลุเข้ามารอบชิงชนะเลิศมาเป็นคู่ต่อสู้เค้าได้ทั้ง 3 ปีเช่นกัน และคนคนนั้นก็คือ สตีเฟ่น เฮนดรี้ คู่ปรับตลอดกาลของจิมมี่ นั่นเอง ซึ่งผลที่ออกมาเหมือนกันทั้ง 3 ปี ก็คือ เขาไม่สามารถเอาชนะ สตีเฟ่น เฮนดรี้ ได้เลยในรอบชิงชนะเลิศศึกชิงแชมป์โลก 

 

จิมมี่ นักสนุกเกอร์ผู้อาภัพ

จิมมี่ ไวท์ สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ 5 ปีติดต่อกันได้  ซึ่งใน 100 ปี มีนักสนุกเกอร์ไม่เกิน 5 คนที่ไปถึงได้ โดยปีที่เขาเอื้อมใกล้ถึงคำว่าแชมป์โลกมากที่สุดคือปี 1994 เขาแพ้ไปด้วยสกอร์ 17-18 ทำให้เฮนดรี้คว้าชัยชนะไปครองแทน รวมทั้งหมดในรายการชิงแชมป์โลกของไวท์เป็นการเข้าชิงชนะเลิศ 6 ครั้งและพ่ายแพ้ทุกครั้ง โดยเขาพ่ายแพ้ให้กับ สตีเฟ่น เฮนดรี้ ไปถึง 4 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 1994 เขาไม่สามารถกลับมาเข้าชิงแชมป์โลกได้อีกเลย เนื่องจากอายุที่มากขึ้นและเข้าสู่ขาลง และในการแข่งขันสนุกเกอร์โลกในศึกการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก ล่าสุดที่ทั้งคู่เจอกันในช่วงเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา เขาก็พ่ายแพ้ต่อ สตีเฟ่น เฮนดรี้ อีกแล้ว ศึกเป็นโดยเขาเคยเอาชนะ สตีเฟ่น เฮนดรี้ ได้แค่ 2 ครั้งจากการเจอกัน 8 ครั้ง

 

ถึงแม้เขาจะไม่เคยเป็นแชมป์โลก แต่รางวัลที่ได้รับจากการเล่นสนุกเกอร์ระดับอาชีพ 10 รายการ รองแชมป์ 14 รายการ แทงแม็กซิมั่มเบรกได้ในครูซิเบิ้ล เธียเตอร์ในปี 1992 รวมถึงลีลาการเล่นที่เร้าใจตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงบัดนี้  ถึงแม้ว่าความแม่นทุกระยะจะลดหายไปบ้างตามวัยที่เปลี่ยนไป แต่ยังโลดแล่นอยู่ในสังเวียนสักหลาดสีเขียวก็ยังดูแล้วสนุกเช่นเดิม แฟนๆสนุกเกอร์ต่างมีความเห็นตรงกันว่า จิมมี่ ไวท์ คือนักสนุกเกอร์ที่เก่ง ฝีมือดี โดดเด่น แต่ไม่สามารถจารึกชื่อของคำว่าแชมป์โลกให้กับตัวเองได้ ดั่งเหมือนกับ ราชาไร้บัลลังก์ จึงทำให้เป็นนักกีฬาที่อาภัพและน่าเห็นใจที่สุดคนนึง

รอนนี่

รอนนี่ โอซุลลิแวน จากครอบครัวธุรกิจเซ็กซ์ช็อปสู่นักสอยคิว “ราชาชุดดำ”

รอนนี่ โอซุลลิแวน (Ronnie O’ Sullivan) เป็นนักสนุกเกอร์ชื่อก้องโลกที่สุดในตอนนี้ เขาได้คว้า แชมป์โลกไปเป็นสมัยที่ 7 จากการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก 2022 ที่ครูซิเบิล เธียเตอร์ เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ (วันที่ 2 พฤษภาคม 2565) พบกับ จัดด์ ทรัมป์ อดีตแชมป์โลก 1 สมัย ก่อนที่ รอนนี่ จะปิดเกมเอาชนะไป 18-13 เฟรม อย่างง่ายดาย  กว่าจะเป็นแชมป์โลกได้ขนาดนี้ประวัติของเขาไม่ธรรมดาตั้งแต่เด็ก ความน่าสนใจของชีวิตรอนนี่ ฉายา “The Rocket” คือการเดินทางแสนพิเศษที่ต้องล้มลุกคลุกฝุ่น แต่ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นที่ทุกคนพูดถึงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

รอนนี่ กับประวัติที่ไม่ธรรมดาก้าวสู่นักสอยคิวแชมป์โลก

รอนนี่

รอนนี่ พ่อเขาเป็นผู้เปิดเซ็กซ์ช็อปในกรุงลอนดอน และเคยถูกตัดสินจำคุกในข้อหาฆ่าคนตาย ส่วนแม่เองก็เคยต้องโทษคดีหนีภาษี บอกเลยว่าวัยเด็กของรอนนี่ไม่ได้รับการเติมเต็มอย่างสมบูรณ์แบบนัก อีกทั้งเขายังอยู่สิ่งแวดล้อมรอบตัวเขาที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม จอห์น โอ’ซุลลิแวน พ่อของรอนนี่ตั้งใจให้ลูกชายเป็นนักสอยคิวตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก โดยสร้างห้องฝึกสนุกเกอร์ไว้ที่โรงเก็บของชั้นล่างของบ้าน และสนับสนุนให้รอนนี่ฝึกฝีไม้ลายมือได้อย่างเต็มที่ จนกลายมาเป็นรอนนี่ นักสอยคิวมือทอง ที่หลายคนรู้จักทั่วโลกในตอนนี้

รอนนี่

ย้อนกลับไปเมื่อนักยอดสอยคิวคนนี้อายุ 10 ขวบ เขาสามารถทำเซ็นจูรี่เบรกได้ (การทำ 100 แต้มได้ในไม้เดียว) และยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่รอนนี่อายุเพียง 15 ปีเขาสามารถทำสถิติแม็กซิมัมเบรก (147 แต้มเต็มในไม้เดียว) อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ใช่ว่าชีวิตเขาจะราบรื่น ในขณะที่เขากำลังไปได้สวยในวงการนักสอยคิวมืออาชีพ พ่อของเขากลับถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมและถูกตัดสินจำคุก 18 ปี ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางนักสอยคิว เขาเคยกล่าวไว้ว่า “การที่เขายังเดินหน้าต่อไป ก็เพื่อให้พ่อของเขาสามารถมองเห็นเขาจากในคุกได้” ด้วยความที่ฝีมือไม่ธรรมดานี่เองจนกระทั่งเขาอายุ 16 ปี ได้รับฉายาว่า The Rocket มาจากการโชว์ฝีไม้ลายมือได้ดี รวดเร็ว และแม่นยำ เขาได้คว้าแชมป์รายการยูเคแชมเปียนชิปได้ในปี ค.ศ.1993 เขาแข่งกับ สตีเฟน เฮนดรี นักสนุกเกอร์มือวางอันดับ 1 ของโลกในขณะนั้น ยังยอมแพ้กับฝีมือรอนนี่

ในปีเดียวกันเขาได้คว้าแชมป์รายการบริติชโอเพน (British Open) ได้อีกหนึ่งรายการ เมื่อจบฤดูกาลเขามีคะแนนขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลก ทำให้ในวงการสนุกเกอร์อาชีพรอนนี่ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก 

ปัญหาชีวิตสมรสที่ไม่ลงตัวของรอนนี่

ด้านชีวิตส่วนตัวของรอนนี่ เขามีภรรยาและลูกตั้งแต่อายุเพียง 20 ปี แต่กลับไม่มีความสุข และชีวิตของรอนนี่กลับต้องเจอกับปัญหาอีกครั้ง เพราะชีวิตสมรสของเขาอยู่บนเส้นทางที่รัก ๆ เลิก ๆ อยู่ตลอดเวลา อย่างที่รู้กันว่าสิ่งที่รอนนี่ทำได้ดีและสิ่งที่เขารักก็คือ การเล่นสนุกเกอร์ แต่เขากลับละเลยต่อการเป็นหัวหน้าครอบครัว จึงทำให้เขาถูกภรรยาฟ้องหย่าในที่สุด

ปัญหาที่สั่งสมเข้ามาในชีวิตของรอนนี่ในช่วงนั้น ทำให้เขาเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่มีสมาธิในการแข่งขัน เขาได้หาทางออกโดยหันหน้าเข้าหายาเสพติดและติดสุราอย่างหนัก ผลที่ได้รับตามมาคือเขาถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันในปี ค.ศ. 1998

รอนนี่ กับทรงผมแบดบอยมาดเซอร์

ronnie

ในปี 2003 การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้รอนนี่ได้รับการจดจำเรื่องลุคมากขึ้นคือตอนที่เขาไว้ผมยาว เขาไม่ได้หวีผมใส่เจลให้เนี้ยบกริบ แต่เขานำเสนอลุคแบดบอยมาดเซอ และด้วยวัย 28 ปี หนุ่มรอนนี่กำลังอยู่ในขั้นชายทรงเสน่ห์ ใบหน้าและทรงผมประกอบลุคเนี้ยบๆ ที่สมดุลกันอย่างน่าประหลาดทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาที่สาวๆ อังกฤษและแฟนสนุกเกอร์หญิงทั่วโลกชื่นชอบ นอกจากเรื่องนอกเกมแล้ว ในเกมเขาก็ยังสุดยอดคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 2 ได้อีกด้วย เรียกว่านี่คือช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่ของเขาอย่างแท้จริง

ronnie

ต่อมาปี 2005 เขาได้ตัดผมหนุ่มสกินเฮด พร้อมกับเริ่มสวมใส่เสื้อเชิ้ตดำให้เห็นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เขาเปลี่ยนจากการสวมเสื้อเชิ้ตขาวแบบดั้งเดิมสู่การสวมเสื้อเชิ้ตดำทั้งรูปแบบผูกโบว์ในรายการใหญ่ และปลดกระดุมคอในรายการระดับย่อยๆ และนั่นก็เป็นช่วงแรกของการเรียกร้องจากโปรสนุกเกอร์เรื่องการปรับระเบียบการแต่งกาย

นักสอยคิว “ราชาชุดดำ”

หลังจากที่เขาค่อยๆ เปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตสีขาวมาสู่เสื้อเชิ้ตสีดำสร้างภาพจำว่าสุภาพบุรุษผู้สอยคิวอย่างร้ายกาจนั้นทรงพลังในลุค All black โดยเฉพาะช่วงที่เขาลงแข่งขันแมตช์ใหญ่ๆที่สำคัญ ทั้งในรายการชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2020 และปี 2022 ที่เขาคว้าแชมป์สมัยที่ 6 และ 7 ตามลำดับ เขาปิดเกมด้วยชุดลุคดำล้วนทั้งสิ้น แน่นอนว่าเรื่องฝีมือเขาคือโคตรเทพมือทองแห่งวงการสนุกเกอร์ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นเสมอมาคือเครื่องแบบเสื้อผ้านักกีฬาที่เขาได้สวมใส่เสมอมา

ronnie

ถึงแม้ว่าชีวิตของรอนนี่จะมีปัญหาเข้ามารุมเร้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่ล้มเหลว หรือยาเสพติดที่ทำให้เสียผู้เสียคน แต่รอนนี่ก็ดำเนินชีวิตต่อไปในฐานะลูกผู้ชายที่สู้ชีวิตคนหนึ่ง จึงทำให้เขาผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างยากลำบาก แต่เขาไม่เคยคิดที่จะท้อถอยเลยสักนิด และสิ่งสำคัญที่เขาสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นมาได้ก็คือลูก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รอนนี่ยังยืนอยู่บนสังเวียนสักหลาดตลอด ซึ่งถือว่าเป็นความน่าภูมิใจมากๆจนถึงทุกวันนี้

ผลงาน

รายการสะสมคะแนน

  • รายการชิงแชมป์โลก 7 สมัย ในปี ค.ศ.2001 / ค.ศ.2004 / ค.ศ.2008 / ค.ศ.2012 / ค.ศ.2013 / ค.ศ.2020 / ค.ศ. 2022
  • รายการ Uk Championship 7 สมัยในปี ค.ศ.1993 / ค.ศ.1997 / ค.ศ.2001 / ค.ศ.2007 / ค.ศ.2014 / ค.ศ.2017 / ค.ศ.2018
  • รายการ British Open ปี ค.ศ.1994
  • รายการ German Open ปี ค.ศ.1995 ปี / ค.ศ. 2012
  • รายการ China Open 3 สมัยในปี ค.ศ.1996 / ค.ศ.1999 / ค.ศ.2000
  • รายการ European Open ปี ค.ศ.2003
  • รายการ Irish Masters 2 สมัยในปี ค.ศ.2003 และปี ค.ศ.2005
  • รายการ Welsh Open 4 สมัยในปี ค.ศ.2004 / ค.ศ.2005 /ค.ศ.2014/ ค.ศ.2016
  • รายการ Grand Prix ปี ค.ศ.2004
  • รายการ Northern Ireland Trophy ปี ค.ศ.2008

รายการชิงเงินรางวัล

  • รายการ The Masters 7 สมัยในปี ค.ศ.1995, 2005, 2007, 2009, 2014, 2016 ,2017
  • รายการ Scottish Masters 3 สมัยในปี ค.ศ.1998, 2000, 2002
  • รายการ Irish Masters 2 สมัยในปี ค.ศ.2001, 2007
  • รายการ Premier League 8 สมัยในปี ค.ศ.1997, 2001, 2002, 2005 (04/05), 2005 (05/06), 2006, 2007, 2008
  • รายการ Benson and Hedges Championship ปี ค.ศ.1993
  • รายการ Nescafe Extra Challenge ปี ค.ศ.1993
  • รายการ Liverpool Victoria Charity Challenge ปี ค.ศ.1996
  • รายการ Riley Superstar International ปี ค.ศ.1997
  • รายการ Champions Cup ปี ค.ศ.2000
  • รายการ Nations Cup ร่วมกับทีมชาติอังกฤษ ปี ค.ศ. 2000